top of page

Recent Posts

Archive

Tags

ข้อสงสัยและข้อคิดเห็นบางประการเกี่ยวกับหนังสือ “พระพุทธศาสนามหายาน” ของสุวิญ รักสัตย์

  • Writer: เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล
    เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล
  • Oct 25, 2016
  • 1 min read

19 เมษายน พ.ศ.2556

เรียน อาจารย์ สุวิญ รักสัตย์

เรื่อง ข้อสงสัยและข้อคิดเห็นบางประการเกี่ยวกับหนังสือ “พระพุทธศาสนามหายาน”

ผมเป็นผู้มีความสนใจในพระพุทธศาสนามหายานคนหนึ่ง เมื่อสัปดาห์งานหนังสือแห่งชาติที่ผ่านมา ได้มีโอกาสพบเจอหนังสือ “พระพุทธศาสนามหายาน” ที่อาจารย์เขียน โดยได้ซื้อมาอ่านจนจบ น่าแปลกใจที่มีการพิมพ์มา 1 ครั้งแล้ว ซึ่งผมไม่เคยเจอหนังสือเล่มนี้มาก่อนเลย นับว่าพลาดงานเขียนชิ้นดีไป แต่ก็ยังมาได้อ่านในปีนี้สำหรับการพิมพ์ครั้งที่ 2

นับว่างานชิ้นนี้มีการเขียนขยายความสาเหตุการเกิดขึ้นของพระพุทธศาสนามหายานได้อย่างดียิ่ง และมีข้อมูลใหม่จำนวนไม่น้อย ในส่วนเนื้อหาอื่นของเล่มก็คล้ายกับหนังสือเล่มอื่น แต่มีการขยายความลงลึกไปอย่างน่าสนใจ ส่วนของหลักธรรมนิกายมัธยมิกะของนาคารชุนน่าสนใจและเข้าใจง่าย ในส่วนบุคคลสำคัญก็มีข้อมูลที่กว้างทำให้คนสามารถเข้าใจพุทธศาสนามหายานได้ไปอีกในระดับหนึ่ง พูดได้ว่าเป็นงานเขียนเกี่ยวกับพระพุทธศาสนามหายานเริ่มต้นที่ดี

หากผม(ผู้อ่าน)เกิดความสงสัยบางประการ ในบางกรณี

  1. “ปัจจุบันพระภิกษุรูปหนึ่งที่มีบทบาทในยุโรปและอเมริกาคือ “พระติช นัท ฮันห์” ท่านอาศัยอยู่หมู่บ้านพลัมทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศสพร้อมกับพระภิกษุและภิกษุณีประมาณ 100 รูป ท่านเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมหาวิทยาลัยวันฮันห์ เป็นผู้มีความชำนาญด้านกวี ในปี พ.ศ.2510 ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ” (น.201 – 202) คิดว่าอาจารย์ผู้เขียนคงจะเขียนตกไปกระมัง เพราะท่านได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพเท่านั้น จากมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ นักเคลื่อนไหวสิทธิพลเมืองชาวอเมริกา พระนัทฮันห์หาได้รับรางวัลดังกล่าวไม่

  2. ในพุทธศาสนามหายานที่ยกมาในไต้หวัน ไม่ทราบว่า 4 สำนักมีข้อวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างไรบ้าง ถึงยกได้ว่าเป็นพระพุทธศาสนาเพื่อสังคม , การศึกษา , สมาธิ และการสังคมสงเคราะห์ตามลำดับ (น.206)

  3. “ในกาลต่อมา ผู้ที่นำความรุ่งเรืองขึ้นมาให้กับนิกายนี้คือ นายสุเนสะ บุโร มะกิงุจิ สึเนซาบูโร (Makuguchi Tsunesaburo)ได้ตั้งนิกายของตนขึ้นเป็น “นิจิเรนโชชู” หรือ “นิจิเรนแท้” ท่านเกิดที่นิกาตา เป็นครูสอนหนังสือ และเป็นผู้ก่อตั้งสมาคมชื่อว่า “โซกะ เกียว อิกุ งักไก แปลว่า สมาคมการศึกษาสร้างสรรค์คุณค่า ต่อมาลูกศิษย์ของท่านชื่อว่า “โทดะ โยเซอิ” (Tosa Josei) ตั้งสมาคมใหม่คือ “โซกะ งักไก” แปลว่า สมาคมสร้างสรรค์คุณค่า” (น.216) ที่ท่านกล่าวมานั้น นับว่าเป็นข้อมูลที่ไม่รอบคอบหรือไม่ได้ศึกษาไปทางนิกายนี้หรือทางสมาคมนี้เอาเลย โดยหาไม่ยากที่จะอ่านตามหนังสือต่างๆ หรือในกลุ่มนี้ในประเทศไทย หรือวิกิพิเดียก็ยังได้ ก็สึเนซาบูโรนั้น ไม่ได้ก่อตั้งนิกายของตน และนิกาย “นิจิเรนโชชู” ก็มีมานานแล้ว มีสังฆราชแห่งนิกายสืบต่อกันมาเป็นหลายร้อยปีแล้ว โยเซอินั้นเล่าก็ไม่ได้ตั้งสมาคมใหม่เลยเพียงแค่เปลี่ยนชื่อเท่านั้น แล้วมีการอ้างไปถึงวัดไทเซกิยิ นั้นซึ่งของนิจิเรนโชชู ก็มีการแยกกับของโซกะ งักไก แต่ปี พ.ศ.2534 แล้ว นับว่าตกหล่นไป โดยในนี้ไม่มีการพูดถึงสำนักอื่นๆของสายนิจิเรนเลย ไม่ว่าจะเป็นนิจิเรนโชชูก็ดี ริชโก้โกเชไกก็ดี

  4. โยเร นั้นเขายอมรับว่าเป็นส่วนหนึ่งของพุทธศาสนามหายานละหรือ ไม่ทราบว่ายอมรับมาก่อน การเชื่อในพระเมตไตรย์ นั้น จะนับ I-Kuan-Dao เป็นส่วนหนึ่งได้หรือไม่ โดยที่ทางนี้ก็นับถือพระพุทธเจ้าและพระเมตไตรย์เช่นกัน แต่ก็จดทะเบียนเป็นศาสนาที่ไต้หวัน

  5. ในที่สุดคนในสังคมบางคนบางกลุ่มก็คิดได้ การสนองความต้องการทางวัตถุไม่อาจเติมเต็มจิตวิญญาณได้ จึงหันกลับมาดูชีวิตที่แท้จริงอีกครั้ง ด้วยเหตุนี้จึงมีองค์กรอิสระที่กระทำโดยไม่มุ่งหวังผลกำไรใดๆเป็นองค์กรที่รวมตัวกันกระทำเพื่อสังคม ดังนั้นจึงมีองค์กรพุทธฉือจี้ (Tzu Chi) สำนักปฏิบัติธรรมโกเอนก้า (Koenka) องค์การริชโก้โกเชไก (Rissho Kosei-kai) องค์การเซไคคิวเซเคียว (โยเร) หรือแม้แต่วัดพระธรรมกาย เป็นต้น” (น. ๒๒๕) เป็นการปนมั่วหรือไม่ ที่ยกมาองค์กรเหล่านี้ โกเอนก้าเป็นสำนักปฏิบัติธรรมมากกว่าจะมุ่งกิจกระทำเพื่อสังคมอย่างจริงจังเหมือนองค์กรอื่นที่มีวัตถุประสงค์อย่างชัด ที่ยก “วัดพระธรรมกาย” ขึ้นมา ดูจะขัดกับที่เขียนเองหรือไม่ ““ในที่สุดคนในสังคมบางคนบางกลุ่มก็คิดได้ การสนองความต้องการทางวัตถุไม่อาจเติมเต็มจิตวิญญาณได้ จึงหันกลับมาดูชีวิตที่แท้จริงอีกครั้ง” สำนักพระธรรมกายนั้นหันกลับมาดูชีวิตและเห็นว่าวัตถุไม่อาจเติมเต็มละหรือ การช่วยเหลือสังคมนั้นบริสุทธิ์หรือไม่ เป็นพุทธพาณิชย์หรือไม่ สามารถเทียบกับองค์กรอย่างฉือจี้ หรือริชโก้โกเซไก ได้ละหรือในทางช่วยเหลือสังคมและยึดหลักพุทธศาสนาของเขาอย่างสนิท การยกว่าสังคมหลังนวยุค (Post Modernism)นั้นก็ไปตามกระแสแฟชั่น หรือไม่ใช่ เราจะตามกระแสไปอย่างเดียวเทียวหรือ พุทธศาสนาต้องปรับตัวให้เข้ากับสังคมแฟชั่นไปอย่างเดียวหรือ เช่น ไอสไตน์พบพระพุทธเจ้าเห็น , สตีปจอป ต่างๆนานา เป็นการจับแพะชนแกะไปหรือไม่ น่าคิด

ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ก็ด้วยความชื่นชมในตัวผู้เขียน และมีข้อสงสัยบางประการ หวังว่าจะเป็นการเขียนแลกเปลี่ยนที่มีประโยชน์ และเพื่อเป็นกำลังใจให้อาจารย์สุวิญเขียนผลิตผลงานคุณภาพต่อไป

ด้วยความรักและนับถือ

Comments


bottom of page